บทที่๔ ตัวอย่างบทประพันธ์


  ตัวอย่างบทประพันธ์



ซึ่งสัจจังที่ตั้งเมตตาจิต                     มิได้คิดแสร้งเสกอุเบกษา
ด้วยเลี้ยงคงคาประลัยจนใหญ่มา     ทั้งเวลากินนอนไม่ร้อนรน
มันกลับขวิดคิดร้ายทำลายล้าง         ฆ่าผู้สร้างสืบสายฝ่ายกุศล
เสียชีวิตก็เพราะคิดเมตตาคน           ทั้งสากลจงเห็นเป็นพยาน


ดำริธรรมกรรมฐานสังหารรัก          ด้วยไตรลักษณ์หักธุระพระฤาษี
อันรูปทรงหลงเห็นว่าเป็นดี              คือซากผีพองเน่าเสียเปล่าดาย
เหมือนหิ่งห้อยน้อยแสงจะแข่งแข    จะมีแต่อัปภาคย์ยากนักหนา
ถึงได้อยู่สู่สมภิรมยา                          เหมือนเป็นข้าเมียตัวย่อมกลัวเกรง

                   
เหมือนคำพระเทศนาท่านว่าขาด             ใครคบปราชญ์ก็เป็นปราชญ์ในสัณฐาน
ใครคบพาลก็จริตติดเป็นพาล                   เหมือนนิทานช้างทรงกษัตรา
 มีโจรไพรมาอาศัยในโรงช้าง                   พูดแต่ข้างหุนหันจะฟันฝ่า
จนช้างพลายร้ายตามไอ้โจรา                    ครั้นเสนาขับโจรเสียทันที
ให้ชีพราหมณ์รามราชมาอยู่ชิด                กระทำกิจส่วนศีลพระชินสีห์
พระยาช้างได้สดับก็กลับดี                       พระบาลีทรงตัวไม่กลัวไย


แต่ปางหลังยังมีบูรีเรือง                         ชื่อว่าเมืองโกญจาสถาวร
นามพระองค์ซึ่งดำรงอาณาราษฎร์         อินณุมาศบพิตรอดิศร
พระนามนางเกศสุรางคนิกร                  ชื่อจันทรแก้วกัลยาณี
แสนสนมหมื่นประนมประณตน้อม      ดังดาวล้อมจันทราในราศี
ทั้งเสนาพฤฒามาตย์ราชกวี                    อัญชุลีเพียบพื้นพระโรงเรียง
สำราญรอบขอบคันนิคมเขต                  ทั่วประเทศพิณพาทย์ไม่ขาดเสียง
สองพระองค์ทรงธรรมไม่ลำเอียง          ไร้แต่เพียงบุตราธิดาดวง ฯ


ท้าวกุมภัณฑ์ครั้นเห็นไม่กลับหลัง                 จึงร้องสั่งลูกน้อยเสน่หา
พ่อก็อ้อนวอนปลอบเป็นหลายครา                ทั้งพี่น้องสองราไม่เชื่อใจ
เป็นเหตุเพราะเคราะห์กรรมของพ่อแล้ว       จะคลาดแคล้วลูกรักถึงตักษัย
สะอื้นพลางทางสะท้อนถอนฤทัย                  ชลนัยน์ซึมซาบลงอาบพักตร์
แต่ซบเสือกเกลือกกลับกระสับกระส่าย          ไม่เหือดหายหวงห่วงให้หน่วงหนัก
สิ้นกุศลผลกรรมมานำชัก                               พญายักษ์ขาดใจบรรลัยลาญ ฯ


พวกโยคีชีพราหมณ์ขึ้นสามสร้าง                   หนังสือกางต่างประกวดสวดคาถา
เหล่าฤๅษีชีไพรใส่ชฎา                                     นิมนต์มาบังสุกุลทำบุญทาน
ถวายร่มพรมหนังเครื่องสังเค็ด                       ครั้นสรรพเสร็จสวดสิกขาฉันอาหาร
ฝ่ายชาวคลังบังคมก้มกราบกราน                    ขึ้นทิ้งทานกำมพฤกษ์เสียงคึกคัก
พวกชายหญิงชิงมะนาวทั้งสาวหนุ่ม               เป็นกลุ่มกลุ่มกลุ้มกลัดพลิกพลัดผลัก
บ้างแกะมือยื้อลากกระชากชัก                         เสียงอึกอักอุตลุดฉวยฉุดชิง
พวกชายเบียดเสียดสาวพลาดเท้าล้ม               แกล้งเกลียวกลมกอดปลํ้าขยำหญิง
เสียงฮาเฮเซซวนป่วนประวิง                          บ้างล้มกลิ้งวิ่งโจนลุยโคลนเลน ฯ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น